เชื่อว่าหลายคนที่กำลังอ่านบทความเคยมีประสบการณ์เหล่านี้ร่วมกันมาก่อน...รู้สึกเหนื่อยล้าจนอยากจะนอนหลับไปโดยไม่ต้องตื่นขึ้นมาอีกเลย, หมดกำลังใจและหมดไฟในการต่อสู้กับทุกสิ่ง,
รู้ว่าโลกนี้มีคนมากมายแต่ตัวเองกลับรู้สึกโดดเดี่ยวหรือต้องเผชิญกับปัญหาหนักหนาอยู่คนเดียวมาโดยตลอด...นอกจากความรู้สึกแล้ว บางคนยังมีความผิดปกติเกิดขึ้นกับร่างกาย เช่น นอนไม่หลับติดต่อกันหลายวัน หิวบ่อยกว่าปกติ ปวดหัวปวดท้ายทอยแบบไม่มีสาเหตุ ปวดเกร็งกล้ามเนื้อโดยที่ไม่ได้ไปยกของหนักมาแต่อย่างใดฯลฯ แน่นอนว่าพวกคุณสงสัยว่าตัวเองกำลังเป็นไร จึงมาเจอกับบทความนี้ เบื้องต้นขอบอกก่อนว่าคุณอาจกำลังเผชิญกับภาวะเครียดเข้าให้แล้ว
ความเครียด
ความเครียดเป็นภาวะหนึ่งของของอารมณ์ยามที่คนเราเผชิญกับเรื่องที่ไม่ชอบใจ ปัญหาหรืออุปสรรคในการใช้ชีวิต ก่อให้เกิดความรู้สึกไม่สบายใจ ทุกข์ กังวล กดดัน หวาดกลัวและวุ่นวายใจ ภาวะเครียดเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ตามปกติธรรมดาของมนุษย์ ไม่ใช่โรคภัยแต่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจตามมาได้
ผลกระทบ
เมื่อเกิดความเครียดขึ้นเราจะมีการตอบสนองจนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งทางจิตใจ ร่างกายและพฤติกรรมตามมา แต่ว่าถ้านั่นเป็นความเครียดในระดับปกติที่สามารถบรรเทาได้ไม่ยาก ร่างกายและจิตใจจะค่อยๆกลับคืนสู่ความสมดุลเองโดยไม่จำเป็นต้องทำอะไรมากนัก แต่สำหรับใครที่เครียดหนักมาก เครียดบ่อยๆหรือจัดการกับภาวะนี้ได้ไม่ดี จะมีผลกระทบตามมาค่อนข้างมาก ดังนี้
- จิตใจ จะหมกหมุ่นอยู่กับปัญหาจนความสนใจในเรื่องอื่นน้อยลง ใจลอย สติสัมปชัญญะเสื่อมถอย ขาดความระมัดระวังในการใช้ชีวิต เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุตามมา ทุกข์ใจ เศร้าซึม บางคนโกรธง่ายและโมโหร้ายจนทะเลาะกับคนรอบข้างได้ง่าย เสียความเชื่อมั่นในตัวเอง วิตกกังวลและคิดว่าตัวเองไม่มีความสามารถมากพอที่จะจัดการกับปัญหาได้ ความจำแย่ลง ขาดประสิทธิภาพในการคิดวิเคราะห์และการตัดสินใจ หากใครเผชิญความเครียดมาอย่างยาวนานบอกเลยว่ากระทบต่อการทำงานและการใช้ชีวิตอย่างแน่นอน ในรายที่อาการหนักอาจป่วยด้วยโรคทางจิตเวชได้เลยทีเดียว
- ร่างกาย ความเครียดทำให้ฮอร์โมนคอร์ติซอลหลั่งออกมามาก ระดับฮอร์โมนในร่างกายจะเสียสมดุล รวมทั้งคอร์ติซอลยังไปกดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันด้วย ดังนั้นถ้าเครียดเป็นเวลานาน สุขภาพร่างกายจะแย่ลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความเสี่ยงในการเจ็บป่วยด้วยโรคบางโรคจะเพิ่มขึ้น เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคกระเพาะอาหาร เป็นต้น หรือถ้าป่วยอยู่ก่อนแล้วเกิดความเครียด อาการจะทรุดลงได้ง่ายๆ หรือถ้าหากใครเครียดอย่างรุนแรง ฮอร์โมนคอร์ติซอลเพิ่มมากขึ้นในเวลาอันสั้น อาจทำให้ช็อคจนเสียชีวิตได้เลยทีเดียว
- พฤติกรรม เนื่องจากสภาพจิตใจและร่างกายได้รับผลกระทบดังกล่าวข้างต้น การแสดงออกจึงเปลี่ยนไปด้วยเช่นเดียวกัน สำหรับพฤติกรรมที่พบมากในผู้ที่มีภาวะเครียด เช่น เบื่ออาหาร อยากอาหารมากกว่าปกติ นอนหลับยาก แยกตัวออกจากสังคม ขาดการปฏิสัมพันธ์กับผู้คนรอบข้าง การทำงานด้อยประสิทธิภาพลง มีการรับมือกับความเครียดด้วยวิธีที่ไม่เหมาะสม(ยาเสพติด การพนันฯลฯ) ความอดทนต่ำ โมโหง่าย ก้าวร้าว ทะเลาะกับคนรอบข้างได้ง่าย อาจมีการอาระวาด ทำลายข้าวของหรือทำร้ายร่างกายผู้อื่น แต่บางรายอาจนิ่งเงียบมากขึ้น ไม่ค่อยพูดจา ทำร้ายตัวเองหรืออย่างร้ายแรงที่สุดคือพยายามฆ่าตัวตาย
แนวทางการรับมือ
การรับมือกับความเครียดสามารถทำได้หายวิธี เช่น การดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม หากิจกรรมที่ชอบหรืองานอดิเรกทำเพื่อลดความฟุ้งซ่านในจิตใจ ทำให้มีสมาธิมากขึ้นและหยุดคิดเกี่ยวกับเรื่องที่เครียดได้ ส่วนการลดความตึงเครียดทางร่างกายก็ทำได้สารพัดวิธีเช่นกัน อาทิ การท่องเที่ยว การหาอาหารอร่อยๆทาน การนวด การทำสปาหรือแม้แต่การไปดูแลตัวเองในสถาบันเสริมความงามก็ช่วยได้เช่นกัน เบื้องต้นใครที่กำลังเผชิญกับเครียดแนะนำให้ลองหากิจกรรมที่ชอบมาทำเสียก่อน ปล่อยวางปัญหาเอาไว้สักพักเพื่อให้สมองได้พักผ่อนบ้าง เพราะการโฟกัสแต่ปัญหาอยู่ตลอดเวลานั้นจะทำให้ “เห็นแต่ปัญหาแต่ไม่เห็นวิธีการแก้ไข” เพราะฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่หลายคนจะรู้สึกมืดแปดด้านเวลาเครียด ต่อมาลองหาคนที่สนิทและไว้ใจได้มาพูดคุยด้วย การปรึกษาผู้อื่นในบางครั้งอาจทำให้เราได้ไอเดียการแก้ปัญหาดีๆที่เราไม่เคยคิดมาก่อนก็ได้ อย่างไรก็ตามหลายครั้งเราอาจไม่ได้ต้องการคำแนะนำใดๆ แค่ได้ระบายความทุกข์ใจแล้วมีคนรับฟังและคอยอยู่เคียงข้างก็สร้างความอุ่นใจให้ได้มากแล้ว การพูดคุยจึงเสมือนได้ยกภูเขาส่วนหนึ่งออกจากอก ช่วยให้รู้สึกโล่งและสบายใจมากยิ่งขึ้น
สำหรับใครที่มองหาวิธีการบรรเทาความเครียดเพิ่มเติม แนะนำค่ายเกมสล็อตดีๆที่ปัจจุบันมีเกมให้เลือกเล่นมากมาย ความสนุกสนานเพลิดเพลินจากการเล่นเกมจะทำให้ความรู้สึกทุกข์ใจและวิตกกังวลลดน้อยลง เรียกว่าช่วยจัดการความฟุ้งซ่านได้ดีเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามหากใครพยายามแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองมาหลายวิธีแล้ว พยายามพูดคุยกับคนรอบข้างแล้วความเครียดยังไม่ดีขึ้นหรือไม่มีคนที่สนิทมากพอที่จะแบ่งปันเรื่องราวได้เลย อย่ามัวรอให้ความเครียดกัดกินจิตใจเพราะมันอาจจะสายเกินกว่าที่จะแก้ไข ทางเราขอแนะนำให้รีบไปพบจิตแพทย์โดยด่วนที่สุด
